twitter
rss

ค้นหาบทเรียน

นักศึกษาที่ติดตามบทเรียน



·           Context Clues (การเดาคำศัพท์จากบริบท)
·            
·           context = คำ/ประโยครอบข้าง
·           clue = คำบอกใบ้
·           ศัพท์ที่เราไม่รู้ (unknow words) เป็นร้อยเป็นพัน ฉันเปิด dictionary ยังไงไหว แถมศัพท์บางคำยังมีหลายความหมายอีกด้วย ทำไงดีล่ะเนี่ย
·             
·           Dictionary ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจประโยคหรือเนื้อหาได้ทั้งหมด ต่อให้คุณหาทุกตัวอักษรก็ใช่ว่าคุณจะเข้าใจทั้งหมดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคนเก่งภาษาอังกฤษ ไม่ใช่คนที่พก dictionary ติดตัวทุกเวลา และไม่ใช่คนที่มีคำศัพท์ในหัวเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่คือคนที่รู้จักเดาความหมายคำศัพท์จากบริบท (using context clues) และเข้าใจโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ (sentence structures) ได้เป็นอย่างดี
·            
·           ที่สำคัญ English for Science ของเรา ไม่อนุญาตให้ใช้ dictionary ในการสอบนะจ๊ะ งานเข้าแล้วสิ งานเข้าแล้วสิ ^^
·            
·           ทบทวนเทคนิคการเดาศัพท์จากบริบททั้ง 7 เทคนิคกันหน่อย มีตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมนอกเหนือจากในห้องด้วยนะ 
·            
·           1. Definition Clues: เดาจากคำนิยาม/คำจำกัดความ
·            
·           เป็นการบอกความหมายของคำศัพท์ตรงๆ ชัดเจน ทำให้เรารู้ว่า หน้า = หลัง หรือ 1= 2 ตามที่สอนไปนั่นเอง วงเล็บ [...] ใช้ครอบส่วนขยายคำนาม (relative clause) เพื่อช่วยให้เราเข้าใจประโยคยาวๆ ได้ง่ายขึ้น เหมือนที่ทำให้ดูในเรื่อง Mammoth
·            
·           Description: http://uc.exteenblog.com/i-hope/images/bullet14.gif v. to be       = is / are / was / were = คือ
·           * A mammoth is a mammal [that lived during the Ice Ages].
·             แมมมอธ คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่อาศัยในยุคน้ำแข็ง

·            mean          = หมายถึง/ หมายความว่า
·            
·           * A glacier means an extremely large mass of ice [which moves very slowly, often down a mountain valley].
·             
·              ธารน้ำแข็ง หมายถึง ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่เคลื่อนที่ช้ามาก มักจะไหลจากภูเขา 
·              ลงสู่หุบเขา
·            
·            
·            is/are called = ถูกเรียกว่า
·            
·           * People [who study the stars] are called astronomers.
·              
·                     คนที่ศึกษาเกี่ยวดวงดาว เรียกว่า นักดาราศาสตร์
·            
·            is/are known as = รู้จักกันในนาม
·            
·           *  Triangles [that are the same shape and size] are known as congruent triangles.
·            
·               สามเหลี่ยมที่มีรูปร่างและขนาดเท่ากันรู้จักกันในนามสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ

·           2. Punctuation Clues: เดาจากเครื่องหมายวรรคตอน
·           เครื่องหมายวรรคตอนที่ตามหลังคำศัพท์บางคำ เป็นตัวช่วยบอกความหมายหรืออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ที่อยู่ข้างหน้า  

·            comma (,)
      
·           * You can take an escalatormoving staircaseup to the second floor.
·               escalator= a moving staircase
·         dash (-)
·           * The goverment has to provide a new accommodation-place to live-for the people who are moving from the slum area.
·               accommodation = place to live
·            parentheses (วงเล็บ)
·           * Traffic signs tell drivers and pedestrians (walkerswhat to do and what not to do while driving, riding and walking
·              pedestrians = walkers
·           
·           3. Contrast and Antonym Clues: เดาจากคำที่มีความหมายตรงกันข้าม
·            Description: http://uc.exteenblog.com/i-hope/images/bullet14.gif but/however/whereas
·           * The man was portlybut his wife was thin.
·              ผู้ชายคนนั้น portly แต่ภรรยาของเขาผอม
·            
·           เห็นคำว่า "but" หรือ "however" รู้ทันทีว่าประโยคหน้าและหลังขัดแย้งหรือตรงข้ามกัน
·           เดาได้เลยว่า portly น่าจะแปลว่า not thin หรือ ไม่ผอมนั่นเอง
·           คำว่า portly หมายถึง มีรูปร่างอ้วน เป็นคำที่ใช้แบบไม่เป็นทางการ และส่วนใหญ่ใช้กับผู้ชาย
·            
·           * The science project was easy, whereas the math homework was arduous.
·              โครงงานวิชาวิทยาศาสตร์ง่าย ในขณะที่การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ arduous
·            
·           "whereas" เป็นอีกหนึ่งตัวที่แสดงให้เห็นความขัดแย้งของประโยคหน้าและหลัง
·           ดังนั้น ในเมื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ง่าย การบ้านคณิตศาตร์ต้องขัดแย้งหรือตรงข้ามกัน นั่นคือ arduous = not easy (difficult)
·            
·           
·          context clues อีก 4 ประเภทคะ
·         4. Restatement and Synonym Clues: เดาจากการพูดซ้ำหรือคำที่มีความหมายเหมือน
·          สังเกตจากคำว่า or หรือสังเกตจากการพูดซ้ำหรืออธิบายคำศัพท์ซ้ำ
·          
·          or
·         * The dromedaryor commonly called a camel, stores fat in its hump.
·         dromedaryหรือปกติเรียกว่าอูฐ, เก็บไขมันไว้ที่หนอกของมัน
·          
·         คำว่า "or" หรือ "or commonly called" บอกให้รู้ว่า dromedary สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า อูฐ
·         dromedary คือ อูฐที่มีหนอกเดียว
·          
·         * Some plants catch and eat insects. They are called carnivorous or insect-eating plants.

พืชบางชนิดจับและกินแมลง พวกมันถูกเรียกว่า carnivorous หรือพืชที่กินแมลง

·         carnivorous = insect-eating
·         ประโยคแรกบอกอยู่แล้วว่าเป็นพืชที่กินแมลง และมาเน้นย้ำอีกทีด้วยคำว่า or insect-eating plants ชัดเจนที่สุด แต่อย่าลืมนะที่สอนไว้ แปลจากหลังมาหน้า insect-eating plants พืชกินแมลงนะ ไม่ใช่แมลงกินพืช
·           
·          restatement
·         * The mountain pass was a tortuous road, winding and twisting like a snake around the 

trees of the mountainside.

  เส้นทางภูเขาเป็นถนนที่ tortuous, คดเคี้ยว (winding) และบิดเป็นเกลียว (twisting)เหมือนงูท่ามกลางต้นไม้ตามไหล่เขา (mountainside)

·          
·         สังเกตจากการอธิบายซ้ำว่าถนนเป็นแบบคดเคี้ยวเหมือนงู เราก็พอเดาได้แล้วว่าถนนที่พูดถึงต้องเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวแน่นอน
·         tortuous = windding and twisting
·          ·                 
·         5. Example Clues: เดาจากการยกตัวอย่าง
·          
·         Markers: such as, for example, for instance, like
·          
·          such as
·         * Most condimentssuch as pepper, mustard and ketchup, are used to improve the flavor of foods.
·         condiments ส่วนใหญ่ เช่น พริกไทย มัสตาร์ด และซอสมะเขีอเทศ ถูกนำมาใช้ในการปรุงรสอาหาร
·         condiments = เครื่องปรุงรสอาหาร สรุปได้จากตัวอย่างที่ให้ คือ พริกไทย มัสตาร์ด และซอสมะเขีอเทศ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นสิ่งที่เราใช้ปรุงรสทั้งสิ้นจ้า
·         Description: http://uc.exteenblog.com/i-hope/images/bullet14.gif  for example
·         * This third grade was full of precocious children. For example, one child had learned to read at two and another could do algebra at the age of 6.
·            เด็กประถมปีที่ 3 ห้องนี้เต็มไปด้วยเด็กที่ precocious เช่น เด็กคนหนึ่งเรียนการอ่านได้ตั้งแต่ 2 ขวบ และ อีกคนสามารถทำพีชคณิต (แก้สมการ) ได้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
·         ดูจากตัวอย่าง (for example) ก็พอเดาได้ใช่ใหม่ว่าเด็กเหล่านี้ เก่งเกินวัย หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ
·         precocious = very clever, mature and good at something
·         บางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ e.g. ให้รู้ไว้ว่า ความหมายของมันเท่ากับ for example
·          Description: http://uc.exteenblog.com/i-hope/images/16795_106508.gif
·          6. Explanation Clues: เดาจากคำอธิบาย
·          การเดาแบบนี้ไม่ได้มี marker ให้สังเกต แต่ให้เราอ่านจากประโยครอบข้าง
·         * When you pilfer something, you steal in little amounts; an example would be taking pens from work. 

   เมื่อคุณ pilfer บางอย่าง คุณขโมยในปริมาณน้อย ตัวอย่างเช่นการเอาปากกามาจากที่ทำงาน

·         pilfer ถ้าเทียบกับภาษาไทยแบบที่เราพูดกัน ก็น่าจะเท่ากับ "จิ๊ก" หรือเปล่าหนอ ประมาณว่าหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ไปโดยไม่ขอนุญาต
·         * I'm really hungry! That apple didn't appease my hunger. I want a sandwich now.
·            ฉันหิวมาก แอปเปิ้ลผลนั้นไม่ได้ appease ความหิวของฉัน ฉันต้องการแซนด์วิชอีกหนึ่งอันตอนนี้
·         ถ้ากินแอปเปิ้ล แล้วยังอยากกินแซนด์วิชอีกแสดงว่า แอปเปิ้ลนั้นไม่ได้ช่วยให้หายหิวเลย appease ในบริบทนี้จึงหมายถึง บรรเทา (ความหิว)
·         
·         7. General Knowledge Clues: เดาจากความรู้ทั่วไป
·         * The thought of eating a rat is abhorrent to most people.