twitter
rss

ค้นหาบทเรียน

นักศึกษาที่ติดตามบทเรียน

Context Clues การเดาความหมายจากบริบท

Context clues หมายถึง (การพิจารณาข้อความใกล้เคียง) หมายถึง การนำข้อความแวดล้อม (บริบท หรือ context) ของคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมาย มาเป็นตัวช่วย (clue) ในการหาความหมายของคำศัพท์นั้น

วิธีสังเกตหาข้อความที่เป็น Context clues
ผู้อ่านสามารถตีความหมายได้โดยอาศัยสิ่งแนะที่อยู่ในปริบท (Context Clues) สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณ (Clues / signal words) สามารถช่วยชี้แนะความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยให้กับผู้อ่านได้อย่างถูกต้องตรงตามปริบท
สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณที่สำคัญได้แก่
1. Definition type (การให้คำนิยาม)
2. Restatement type (การกล่าวซ้ำ)
3. Example type (การยกตัวอย่าง)
4. Comparison or Contrast type (การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง)


Definition type เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ชี้แสดงความหมายหรือนิยามคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งผู้อ่านสามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ (clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่
verb "to be" = be called
mean(s/ed) = called
consist of = may be seen as
refer to = can be defined as
may be described as = can be taught of
what this means is


คำชี้แนะหรือคำสัญญาณดังกล่าวมาข้างต้นนี้ มีความหมายในทำนองเดียวกัน นั่นคือ แปลว่า "คือ , หมายถึง , หมายความว่า, เรียกว่า"

ตัวอย่าง

- A premise is a statement of the relationship between a cause and a consequence.
อธิบาย premise เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย is เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ a statement of the relationship เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า premise ดังนั้น premise ก็คือ ข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์

- People who study the stars are called astronomers.
อธิบาย astronomers เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย are called เป็นคำชี้แนะหรือคำสัญญาณ people who study the stars เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า astronomers ดังนั้น astronomers ก็คือ คนที่ศึกษาเรื่องดวงดาว หรือนักดาราศาสตร์ นั่นเอง

- A committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
อธิบาย committee เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยmay be defined as เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะany group interacting in reagard to common purpose เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า committee ดังนั้น committee ก็คือ กลุ่ม หรือคณะบุคคลที่กระทำการใดๆ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน


Restatement type เป็นชนิดของตัวชี้แนะที่ผู้เขียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยด้วยการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้น พูดให้ง่ายขึ้น การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma
,.............................., เครื่องหมาย commas
- เครื่องหมาย dash
- .............................. - เครื่องหมาย dashes
(.............................) เครื่องหมายวงเล็บหรือ parentheses

ตัวอย่าง

- You can take an escalator , or a moving staircases, to go down to the platform.
อธิบาย escalator เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคยor เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณa moving staircases เป็นความหมายของคำว่า escalator ดังนั้น escalator ก็คือ บันใดเลื่อน

- These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
อธิบาย concentric เป็นศัพท์ไม่คุ้นเคยin other words เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะhaving the same center เป็นความหมายของคำว่า concentricดังนั้น concentric ก็คือ จุดศูนย์กลางร่วม

- I spotted a horde - or mass - of birds flying south across the inlet.
อธิบาย horde เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย- ................- เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย mass เป็นความหมายของคำว่า hordeดังนั้น horde ก็คือ จำนวนมหาศาล

- The club members' warmth and friendliness created a comforting ambience (atmosphere) which I accepted eagerly.
อธิบาย ambience เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย(..................) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนชี้แสดงความหมายศัพท์ไว้ในวงเล็บatmosphere เป็นความหมายของคำว่า ambienceดังนั้น ambience ก็คือ บรรยากาศ


Example type เป็นชนิดของสิ่งชี้แนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายของคำศัพท์ไม่คุ้นเคยด้วยการให้หรือยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบความหมาย ของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยปกติก่อนจะยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบเพื่อชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.for instancesuch as = ตัวอย่างเช่น , ยกตัวอย่างsuch ............aslike
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma
: เครื่องหมาย colon
- เครื่องหมาย dash

ตัวอย่าง

- Do you participate in one of the more popular avocation, such as jogging, tennis, or stamp collecting?
อธิบาย avocation เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยsuch as เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณjogging , tennis , stamp collecting เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา ดังนั้น avocation ก็คือ งานอดิเรก (hobbies) ทั้งนี้เพราะ jogging (การวิ่งเหยาะๆ) tennis และ stamp collecting เป็นงานอดิเรกทั้งสิ้น

- When you arrange the condiment shelf , put the salt and pepper next to the paprika.
อธิบาย condiment เป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย, (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ชี้แสดงตัวอย่างที่จะยกถัดมาsalt and pepper เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมามาแสดงดังนั้น condiment ก็คือ เครื่องปรุงรส ทั้งนี้เพราะ salt (เกลือ), pepper (พริกไทย เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร


Comparison or Contrast type เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายด้วยการเปรียบเทียบ (Comparison) หรือการแย้งความ (Contrast) โดยปกติ ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
like / alike เหมือนกับ
similar to เหมือนกับ ,คล้ายกับ
resemble (v) เหมือนกับ
similarly (adv) ในทำนองเดียวกัน
likewise (adv) ในทำนองเดียวกัน
correspondingly (adv) ในทำนองเดียวกัน
in the same way (adv) ในทำนองเดียวกัน
in like manner (adv) ในทำนองเดียวกัน
comparing เปรียบเทียบกับ
compare with เปรียบเทียบกับ
as if / as though ราวกับว่า


ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง ได้แก่
but / yet แต่
however / nevertheless แต่อย่างไรก็ตาม
though / although/ even though แม้ว่า
while / whereas ในขณะที่ (แสดงการแย้งกัน)
on the other hand ในทางตรงกันข้าม
on the contrary ในทางตรงกันข้าม
in contrast ในทางตรงข้าม
conversely ในทางกลับกัน
in spite of / despite แม้ว่า

ตัวอย่าง

- I urges married men to live virtuous lives, and bachelors to get married to good wives.
อธิบาย bachelor ตรงข้ามกับ married menดังนั้น bachelors = unmarried me (ชายโสด)

- Tim was voluble while his brother , Tom, was quiet.
อธิบาย voluble ตรงข้ามกับ quietดังนั้น voluble = not quiet / talkative (พูดมาก)

- An elephant is immense, comparing to a mouse.
อธิบาย mouse (หนู) เป็นสัตว์ขนาดเล็ก (small) แต่ elephant (ช้าง) ตัวใหญ่ดังนั้น immense ตรงข้ามกับ small นั่นคือ immense = not small / big

 การเดาความหมายก็มีอยู่หลายวิธี รวมทั้งมีสัญลักษณ์ที่ช่วยให้เดาความหมายได้ วันนี้ พี่มิ้นท์ ก็เลยจะยกตัวอย่างการใช้ context clues ที่พบบ่อย มาอธิบายเพื่อเป็นเคล็ดลับในการสอบดังนี้จ้า


                1.การให้คำนิยาม มักจะมีคำที่ไกด์ให้เราเช่น is/ mean/ called/ be called เป็นต้น ซึ่งให้ความหมายว่า หมายถึง/เรียกว่า/คือ  นั่นเอง ดังนั้น ข้อความที่ตามมาก็คือ คำอธิบายของคำศัพท์นั้นๆ นับเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เราเข้าใจความหมายได้ง่ายที่สุด  
                  2.การใช้เครื่องหมายวรรคตอน เครื่องหมายวรรคตอนนี่สำคัญมากเลยค่ะน้องๆ เพราะจะทำให้เห็นความหมายได้ชัดมาก เครื่องหมายที่พบบ่อยได้บ่อยมากๆ เช่น – (dashes/ เครื่องหมายแดช)  , (commas/เครื่องหมายคอมม่า) และ (…...) (parentheses/เครื่อง   หมายวงเล็บ) : (colon/ เครื่องหมายโคลอน) เป็นต้น เครื่องหมายเหล่านี้เกี่ยวข้องอย่างไร??   เกี่ยวแน่นอน เพราะเป็นเครื่องหมายที่ใช้ขยายความคำศัพท์ที่อยู่ข้างหน้านั่นเอง
                3.การกล่าวซ้ำ เป็นการพูดทวนคำศัพท์ที่อยู่ข้างหน้า หรือเป็นการพูดย้ำอีกครั้งนึง ตัวช่วยที่เป็นจุดสังเกต คือ คำว่า or/ in other word/ that is เป็นต้น
                 4.การยกตัวอย่าง สามารถทำให้เราเข้าใจความหมายของคำศัพท์นั้นได้ เพราะสิ่งที่ยกตัวอย่างมาประกอบจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์นั่นเอง โดยการยกตัวอย่างจะมีคำที่ไกด์ให้น้องๆ ได้รู้ เช่น For example หรืออาจจะเป็นเพียงเครื่องหมาย , (commas) ก็ได้
                 5.การเปรียบเทียบหรือการใช้ข้อความขัดแย้ง ทำให้เราเห็นความแตกต่างของประโยคที่ตามมา น้องๆ ก็จะเดาความหมายของประโยค หรือคำข้างหน้าได้ ซึ่งตัวช่วยที่จะทำให้เดาได้ เช่น as/  as.....as/  similar to/  compare with/  in contrast/  in spite of/ despite เป็นต้น
                  6.การให้เหตุผล แม้ว่าการให้เหตุผลบางครั้งจะเป็นในส่วนของการเชื่อมโยงเนื้อหามากกว่า แต่ พี่มิ้นท์ ก็ไม่อยากให้น้องๆ มองข้าม เพราะบางครั้งการให้เหตุผลอาจช่วยให้น้องๆ เข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่ไม่รู้มากขึ้นก็ได้ คำหลักๆ ของการให้เหตุผล เช่น because/  because of/ soเป็นต้น
                พูดมาอาจจะยังไม่เห็นภาพ งั้นลองมาดูตัวอย่างกันเลย
          ตัวอย่างที่1
  เด็กดีดอทคอม :: ฟิต GAT และโอเน็ต Eng ด้วยเทคนิค Context clues
           ตัวอย่างแรก สมมติว่าน้องๆ ไม่รู้ความหมายคำว่า Gelatin ตัวช่วยที่เห็นง่ายที่สุด คือ คำว่าis ที่ตามมาข้างหลัง ทำให้เข้าใจรายละเอียดคร่าวๆ ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าในที่สุดจะไม่รู้ว่า Gelatin คืออะไร แต่อย่างน้อยก็เข้าใจได้มากขึ้นว่า มันคืออะไรซักอย่างที่ทำมาจากกระดูก และผิวหนังของสัตว์ และคนทั่วไปมักจะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเยลลี่ หรือขนมหวาน

           ตัวอย่างที่2
   เด็กดีดอทคอม :: ฟิต GAT และโอเน็ต Eng ด้วยเทคนิค Context clues
            สมมติว่าน้องๆ ไม่รู้ความหมายถึง 4 คำ ก็ไม่ต้องตกใจไป ตั้งสติแล้วลองหาตัวช่วยดู อย่างคำแรก security regulations เห็นปุ๊บงงปั๊บ ลองเลื่อนสายตาไปเจอเครื่องหมาย (,)  commas แล้ว นี่แหละตัวช่วยชีวิตของเรา เพราะใจความข้างหลังที่ตามมาที่ว่า "สิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่อง" คือตัวขยายคำศัพท์ข้างต้น ดังนั้น ลองย้อนกลับไปที่คำศัพท์อีก ครั้ง การห้ามผู้โดยสารนำสิ่งของขึ้นเครื่อง มันน่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของเครื่องบิน ซึ่งก็คือ เป็น "กฎ ข้อระเบียบเรื่องความปลอดภัยนั่นเอง" (regulations หมายถึง กฎ, ข้อบังคับ,ระเบียบ)
            คำต่อมาที่ไม่รู้ความหมาย คือ luggage คำนี้มีตัวช่วยเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน น้องๆ ลองย้อนไปข้างหน้านิดหน่อย ก็จะเห็นคำว่า or ซึ่งเป็นการซ้ำใจความเดิม ดังนั้น carry-on กับ laggage จึงมีความหมายเหมือนกัน คือสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทาง 
            ในส่วนของสองคำสุดท้าย Weapons และ Explosives อันนี้ให้น้องๆ ลองดูเครื่อง หมายcommas ที่ตามมา รวมทั้งคำว่า Including ด้วย เพราะเป็นการยกตัวอย่างที่ทำให้เราได้ เห็นและเข้าใจความหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น weapons ก็หมายถึงอาวุธ เพราะรวมไปถึงมีดและปืน ส่วน explosives ก็คือสิ่งที่ระเบิดได้ เพราะนับรวมทั้งระเบิดและดอกไม้ไฟค่ะ

           ตัวอย่างที่3
  เด็กดีดอทคอม :: ฟิต GAT และโอเน็ต Eng ด้วยเทคนิค Context clues

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น